Wednesday, July 2, 2014

สุขสันต์วันเกิด 35 ปี Walkman!

ในวันนี้เมื่อ 35 ปีก่อน บริษัทอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่นแห่งหนึ่งได้วางตลาดสินค้าที่จะให้นิยามใหม่ของคำว่า "ความบันเทิง" ไปตลอดกาล รวมถึงวางรากฐานให้แก่ iPod
สินค้านั้นก็คือ เครื่องเล่นเทปแบบพกพาหรือ Sony Walkman ซึ่งวางขายเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1979 
Walkman รุ่นแรก -ภาพจาก lpost.ru
แนวคิดการสร้างเครื่องเล่นเทปพกพานี้มาจากความต้องการส่วนตัวของหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโซนี่ "Masaru Ibuka

Masaru Ibuka ภาพจาก shmj.or.jp



ขณะนั้น Masaru Ibuka ดำรงตำแหน่งประธานร่วมของโซนี่ ทำให้เขาต้องเดินทางไปเจรจาธุรกิจในต่างประเทศบ่อยครั้ง ซึ่ง Ibuka เองชอบฟังเพลงโอเปราห์ระหว่างเดินทางด้วยเครื่องเล่นเทป 
TC-D5 
เครื่องบันทึก-เล่นเทปพกพา Sony TC-D5








แต่เครื่อง TC-D5 ถูกสร้างมาเพื่อบันทึกเทปเป็นหลัก จึงมีขนาดใหญ่และมีเพียงลำโพงระบบ Mono ทำให้ไม่เหมาะแก่การพกพาเพื่อฟังเพลง












ด้วยเหตุนี้ Ibuka จึงขอให้ Norio Ohga นักออกแบบผลิตภัณฑ์ของโซนี่ช่วยสร้าง "เครื่องเล่นเทปแบบพกพา" แท้ๆให้ เหตุการณ์นี้จึงเป็นต้นกำเนิดของ Sony Walkman ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเทปพกพาที่มีขนาดเล็ก, น้ำหนักเบาและให้เสียงในระบบสเตอริโอ (ผ่านหูฟัง)
โฆษณา Walkman ช่วงยุค 1980s ภาพจาก Gizmodo

???รู้หรือไม่กับ Sony Walkman???

ภาพลักษณ์ที่มีปัญหา
แม้จะประสบความสำเร็จในภายหลัง ด้วยยอดขายรวมกว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลก (200 ล้านสำหรับเครื่องเล่นเทป) แต่ในช่วงเริ่มต้นเส้นทางของ Walkman นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
อุปสรรค์หนึ่งก็คือ "หูฟัง" เนื่องจากในยุค 70s หูฟังยังไม่ใช่ของใช้สำหรับคนทั่วไป 
แต่เป็น "อุปกรณ์ช่วยฟังของผู้พิการทางการได้ยิน" 
ส่งผลให้การตอบรับของผู้บริโภคไม่ดีนัก จนโซนี่ต้องจ้างวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นให้ใส่หูฟังของ Sony Walkman เดินไปมาในเมืองโตเกียวเพื่อ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่การใส่หูฟัง เลยทีเดียว

Share your music before it was cool.
เครื่อง Walkman รุ่นแรกมีช่องเสียบหูฟัง 2 ช่อง รวมถึงปุ่มพิเศษที่จะหรี่เสียงเพลงพร้อมกับเปิดไมโครโฟน (?) 
สาเหตุของการออกแบบพิลึกพิลั่นนี้เนื่องมาจาก 
โซนี่เกรงว่า "การฟังเพลงผ่านหูฟังโดยไม่สนใจคนรอบข้างนั้นเป็นมารยาทที่ไม่ดี" ตามมาตรฐานสังคมญี่ปุ่นในสมัยนั้น จึงออกแบบให้สามารถแชร์เพลงให้คนอื่นฟัง (เสียบหูฟังเพิ่มอีกอัน)ได้รวมถึงกดปุ่มเพื่อลดเสียงดนตรีและพูดคุยกันผ่านหูฟังระหว่างเพลงได้ด้วย
แน่นอนว่าโซนี่คิดผิดในเรื่องนี้ผู้บริโภคทุกคนชอบฟังเพลงคนเดียวมากกว่า Walkman รุ่นต่อๆ มาจึงไม่มีฟังชั่นนี้อีก
ช่องเสียบหูฟัง 2 ช่องสำหรับแชร์เสียงเพลง ภาพจาก t3.com
ยิ่งฟังยิ่งฟิต
นอกจากสร้างวัฒนธรรมการฟังเพลงแล้ว Walkman ยังมีส่วนช่วยสร้างอีกหนึ่งวัฒนธรรมขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ นั่นคือ การออกกำลังกาย 
โดย Walkman ได้นำเสียงเพลงมาเพิ่มชีวิตชีวาให้กับการออกกำลังกายที่น่าเบื่อ
ส่งผลให้ในช่วงปี 1987-1988 ในอเมริกามีผู้ออกกำลังกายด้วยการวิ่งและเต้นแอร์โรบิคมากขึ้น 30% 

เรื่องปวดตับของอุสาหกรรมเพลง
เราคงคุ้นเคยกันดีกับท่าทีหวาดกลัวจนถึงขั้นต่อต้านการมาถึงของ mp3, Napster และ itune ของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเพลง ที่กลัวสูญเสียรายได้ให้กับการละเมิดลิขสิทธิ์
ซึ่งท่าทีเดียวกันนี้เกิดขึ้นในยุคของ Walkman เช่นกัน
จนมีแคมเปญ "Home taping is killing music. And it's illegal"
ที่มีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ไม่ให้ผู้คนอัดเพลงจากวิทยุลงเทปแทนที่จะซื้อ
แคมเปญนี้คุ้นซะไม่มี ภาพจาก wikipedia 
ดักแก่สำหรับคนที่เกิดทัน



ข้อมูลจาก 

No comments: